สายฟาสชาร์จดีกว่าสายชาร์จธรรมดาอย่างไร?

Free Silhouette Photo of Woman Against during Golden Hour Stock Photo

การชาร์จแบตเตอรีมือถือในปัจจุบันต่างต้องการความรวดเร็วแทบทั้งสิ้น ผู้ผลิตมือถือหหลากหลายบริษัทต่างหันมาใช้เทคโนโลยีชาร์จเร็ว โดยออกแบบ ‘สายฟาสชาร์จ’ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่เป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยลดระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรีลงได้และเพื่อตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

 

สายฟาสชาร์จคืออะไร?

สายฟาสชาร์จ คือ สายชาร์จแบตเตอรี่ด้วยระบบความเร็วสูง โดยจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรีได้เร็วกว่าปกติด้วยการเพิ่มแรงดันไฟฟ้า (V) หรือกระแสไฟฟ้า (A) และจะลดกำลังไฟลงเมื่อแบตเตอรีใกล้เต็มหรือประมาร 80% ขึ้นไป เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟเกิน รวมถึงมีการฝังควบคุมไว้ในสายชาร์จและสมาร์ทโฟนเพื่อรองรับการชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูงด้วย

ความแตกต่างของสายชาร์จแบบธรรมดาและสายฟาสชาร์จ

  1. สายชาร์จแบบธรรมดาหรือสายชาร์จ USB ที่คุ้นเคยกัน ซึ่งมีทั้งแบบ USB Type-A Micro และ USB Type-B Micro ที่ใช้งานกับโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่า ซึ่งสายชาร์จแบบ USB สามารถรับปริมาณการจ่ายไฟในอัตราที่จำกัด จึงทำให้รองรับการจ่ายไฟได้น้อยและชาร์จได้ช้ากว่าเมื่อเทียบกับสายฟาสชาร์จรุ่นใหม่ โดยใช้เวลาชาร์จนานประมาณ 2 – 4 ชั่วโมง

 

  1. สายฟาสชาร์จหรือสายชาร์จที่ใช้ระบบชาร์จไว มีการเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2014 โดยจะใช้งานควบคู่กับอแดปเตอร์หรือหัวชาร์จแบบ Super Charge หรือ Fast Charge ซึ่งจะสามารถชาร์จแบตเตอรีได้เร็วขึ้นกว่าสายชาร์จแบบธรรมดา โดยจะใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่จะไม่สามารถชาร์จได้เร็วขึ้นหากใช้งานร่วมกับหัวชาร์จแบบเก่าหรือแบบธรรมดา เนื่องจากหัวชาร์จธรรมดามีแรงดันไฟฟ้าที่น้อยกว่า การนำส่งกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรีจึงมีปริมารน้อยเช่นเดิมแม้ว่าสายจะรับกระแสไฟฟ้าได้มากขึ้นก็ตาม

 

สายฟาสชาร์จมีกี่แบบ?

สายฟาสชาร์จในปัจจุบันมีให้เลือกใช้หลากหลายขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับยี่ห้อของสมาร์ทโฟนที่ใช้งาน ตัวอย่างเช่น

  • USB Power Delivery (USB-PD)

เทคโนโลยีจ่ายไฟผ่านพอร์ต USB Type-C แบบมาตรฐาน ถูกพัฒนามาจากสายชาร์จ Micro-USB ให้สามารถชาร์จได้ไวและถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้นสูงสุดถึง 100W โดยผลิตมาเพื่อใช้กับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ IT อย่าง  iPhone, iPad, Macbook ของ Apple และ Pixel ของ Google รวมถึงสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ เช่น แล็ปท็อป Smart TV ที่รองรับสายฟาสชาร์จ เป็นต้น

  • ระบบ Quick Charge (Qualcomm)

เทคโนโลยีชาร์จเร็วจาก Qualcomm ผู้ผลิตชิปเซ็ตรายใหญ่ โดยใช้การเพิ่มแรงดันไฟฟ้า (V) ที่ในปัจจุบันสามารถจ่ายกระแสไฟได้ตั้งแต่ 3.6V จนถึง 20V สามารถปรับกำลังไฟให้เหมาะสมตามช่วงการชาร์จ โดยสามารถชาร์จแบตเตอรีมือถือได้ถึง 50% ภายในเวลา 15 นาที อีกทั้งยังมีระบบปรับสมดุลความร้อนอัจฉริยะและระบบเซ็นเซอร์คอยควบคุมอุณหภูมิของตัวเครื่องและพอร์ตเชื่อมต่อ จึงสามารถป้องกันกระแสไฟเกินและไฟฟ้าลัดวงจรได้อีกด้วย

  • Adaptive Fast Charging

ระบบชาร์จเร็วที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล Exynos สามารถจ่ายไฟได้ถึง 9V/2A (18W) แต่ต้องใช้อุปกรณ์ชาร์จที่รองรับและจำเป็นต้องใช้อแดปเตอร์ชาร์จแบบพิเศษเท่านั้น

  • Pump Express

สายฟาสชาร์จที่มักถูกนำไปใช้กับมือถือรุ่นเก่าที่ใช้สายชาร์จแบบ Micro-USB และ USB Type-C สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 75% ภายในเวลา 20-30 นาที รวมถึงมีระบบนิรภัยสำหรับป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและป้องกันกระแสไฟฟ้าเกินอีกด้วย

  • Super VOOC / VOOC Flash Charge

สายฟาสชาร์จรายแรกของโลก สามารถจ่ายไฟได้สูงถึง 65W โดยชาร์จแบตเตอรีจาก 0 – 100% ได้ภายในเวลาเพียง 38 นาที มีระบบป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากแรงดันไฟฟ้าที่ติดตั้งในอะแดปเตอร์และในมือถือ รวมถึงมีการติดตั้งตัวบ่งชี้ VOOC ทั้งในอะแดปเตอร์และมือถืออีกด้วย

 

ข้อดีของสายฟาสชาร์จ

  1. ใช้เวลาชาร์จแบตไม่นาน
  2. สายฟาสชาร์จมีขนาดไม่ใหญ่พกพาง่าย
  3. ใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้ เช่น แท็บเล็ต IPad สมาร์ทโฟน รวมถึงเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ททีวีได้ (รุ่นที่รองรับการทำงาน)
  4. ชาร์จและถ่ายโอนไฟล์ใน Note Book หรืออุปกรณ์ PC ได้เร็วขึ้นถึง 2 เท่าและถ่ายโอนไฟล์ได้มากถึง 10 Gbps เช่น ไฟล์ขนาดใหญ่อย่างวิดีโอ 4K
  5. รองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้า 20V และ 5A รวมถึงสามารถใช้ร่วมกับโทรศัพท์รุ่นอื่นๆ ที่ใช้สาย USB Type เดียวกันได้

 

สายฟาสชาร์จเร็ว จึงเรียกได้ว่าเหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการชาร์จแบตเตอรีมือถือ รวมทั้งสามารถถ่ายโอนข้อมูลหรือส่งไฟล์ต่างๆ ได้ในเวลาเดียวกัน แต่อาจจำเป็นต้องใช้มือถือหรือสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีรองรับเทคโนโลยีฟาสชาร์จ ซึ่งอาจมีราคาสูงกว่ามือถือและสายชาร์จรุ่นเก่า หากจำเป็นต้องซื้อหรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสามารถใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อของได้ โดยสามารถเลือกบัตรเครดิตและเปรียบเทียบข้อมูลจากหลากหลายธนาคารได้อย่างสะดวกสบายผ่านเว็บไซต์ Rabbit Care ได้ตลอด 24 ชั่วโมง